บทความของนายไม่เต็มบาท

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

ข้อมูลต่างๆ


อาณาจักรมนุษย์

อาณาจักรฮาร์รัน : หนึ่งในอาณาจักรของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าที่ราบ และเทือกเขา มีเมืองหลวงคือทราริธ ตราสัญลักษณ์ประจำอาณาจักรคือ ต้นไม้ขาวกับพญาอินทรี ซึ่งเป็นตราประจำของราชวงศ์เอเวลรอน กษัตริย์เทราริลต้นราชวงศ์เอเวลรอนผู้สถาปนาอาณาจักรขึ้นมา ร่วมไปถึงสถาปนาทราริธให้เป็นเมืองหลวง ชาวฮาร์รัมจะเชี่ยวชาญการรบ ถูกเรียกว่า อาณาจักรแห่งอัศวิน และอาณาจักรแห่งนี้ยังเป็นต้นกำเนิดประเพณีอัศวินที่ยาวนาน ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน

  •           นครทราริธ : เมืองหลวงของอาณาจักรฮาร์รัน ถูกเรียกขานด้วยชื่อนครแห่งราชชันย์ เป็นที่ประทับของกษัตริย์และ ราชวงศ์เอเวลรอนที่ยาวนานหลายร้อยปี ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในดินแดนมนุษย์ เป็นมหานครขนาดใหญ่ยักษ์ มีเมืองหน้าด้านคือไวท์แพทเลียธ หรือกำแพงขาวเมือง มีปราสาทตั้งอยู่ใจกลางนคร
  •           ไวท์แพทเลียธ : หรือที่ชาวทราริสเรียกว่า กำแพงขาว,ปราการอัศวิน เมืองนี้เปรียบได้ดังป้อมปราการป้องกันศัตรูก่อนเข้าถึงนครทราริธ ถูกแบ่งด้วยที่ราบขนาดใหญ่
  •           ป่าไรเอริลอส : พื้นป่าขนาดใหญ่ที่อยู่ในอาณาจักรฮาร์รัม ชาวทราริธเรียกว่า ป่าสีดำ ป่าโบราณที่ซับซ้อนราวกับเขาวงกต และเต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้าย ป่าแห่งนี้ได้รับการคุ้มครองโดยเหล่าครายแอดส์  
อาณาจักรเวก้า : อาณาจักรของมนุษย์ เป็นที่รู้จักในนาม อาณาจักรแห่งศิลปะ เพราะชาวเวก้ามีความเชื่อเรื่องเทพปกรณัม ตำนาน นิทาน นอกจากนี้ชาวเวก้ายังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตร งานศิลปะหลายแขนง   

  •         นครบาร์ธิน : เมืองหลวงของอาณาจักรเวก้า เป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชวงศ์ลาโบลัส กษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ ราชานาบาร์เลียส เป็นนครขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนถูเขา ล้อมรอบด้วยกำแพงคล้ายป้อมปราการถูกเรียกว่า ปราการศิลาเทา
อาณาจักรเอลฟ์


ข้อมูลอื่นๆ


  •           เลือดสีดำ : เป็นคำที่เหล่ามนุษย์ใช้เรียกขานบุตรที่เกิดจากปีศาจและมนุษย์ เป็นที่หวาดกลัวของมนุษย์ธรรมดา เพราะครึ่งปีศาจจะมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์


: นี้เป็นแค่ข้อมูลบางส่วนและจะมีเพิ่มในภายหลัง

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

Accel World

ซีซั่นหน้าผมขออวย

เรื่องย่อ

เกี่ยวกับพระเอก "ฮารุยูกิ" นักเรียนม.ต้นปีหนึ่งที่อ้วนปุ้กลุ้ก เตี้ยม่อต้อ แถมยังถูกแกล้งเป็นประจำ ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยวันหนึ่งชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับรุ่นพี่ "คุโรยูกิ ฮิเมะ" ที่ได้มอบโปรแกรม Brain Burst ที่สามารถทำให้เขามองโลกที่แท้จริงได้ในเวลาที่เชื่องช้าสุดๆผ่านโลกเสมือน ที่ถูกจำลองขึ้นด้วยข้อมูลต่างๆ แต่แน่นอนว่าเรื่องยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะกลายเป็นว่าผู้ที่มีโปรแกรม Brain Burst จะต้องเข้าร่วมการแข่งขันที่แต่ละฝ่าย (Burst Linker) จะต้องสู้กันเพื่อเก็บแต้ม และเพื่อเพิ่มระดับ Lv. ของตนให้สูงยิ่งขึ้น ให้อึ้งไปกว่านั้นก็คือตัวตนที่แท้จริงของรุ่นพี่ "คุโรยูกิ ฮิเมะ" ที่ยังเป็นปริศนาที่น่าแปลกใจอีกต่างหาก ชีวิตของพระเอกอ้วนๆเตี้ยๆของเราจะเปลี่ยนไปยังไง 
  
 


ว่าด้วยเรื่องเคะแมนกว่าเมะ

ว่าด้วยเรื่องเคะแมนกว่าเมะ

รู้สึกว่าตอนนี้เคะแมน เคะแก่ จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับเหล่าขาวาย ที่ไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์เดิมๆ รวมไปถึงสายพลัง K (กล้าม) ซึ่งมีอิทธิพลมาจากการ์ตูนฝรั่ง ซูปเปอร์แมน x แบทแมน หรือไม่ก็ สตีเวน (กัปตันอเมริกัน) x โทนี่ (ไอรอนแมน) โดยส่วนตัวผมชอบของมาร์เวลมากกว่าดีซี อันนี้ก็ไม่รู้ว่าผมจะพูดไปทำไม

ประเด็นที่จะพูดคือประเด็นเคะแมนกว่าเมะ ซึ่งหลังจากที่ลองเข้าไปส่องนิยายวายในเด็กดีดู ผมจะพบว่าเกือยทุกเรื่องจะมีเคะที่เป็นผู้หญิงไปเลย ผมสามารถสรุปได้คราวๆว่า พวกหนูๆเหล่านั้นจะยึดติดกับคำนิยามของคำว่า เมะ และ เคะ รุ่นคลาสสิกคือ

seme (เสะเมะ) นิยมเรียกสั้นๆ ว่า เสะ หรือ เมะ คือ ฝ่ายรุกหรือฝ่ายกระทำ

uke (อุเคะ) นิยมเรียกสั้นๆ ว่า เคะ คือ ฝ่ายรับหรือฝ่ายถูกระทำ มักมีหน้าตาและรูปร่างเหมือนผู้หญิง (บางคนนิสัยก็เหมือน)
 

ตามหลักคลาสสิคควรเขียน เมะ x เคะ เช่น เชอร์รี่...เอ๊ย ชาร์ลี (คริส) X เรย์โฟร หรือ บาร์นาบี้ X โคเท็ตสึซัง (บ่งบอกรสนิยมมาก) ผมเองก็เคยชอบเคะน่ารัก จนกระทั่งถูกแฟนจับหักดิบ นี่แหละสามเหตุของความเพี้ยนๆ เสพแต่สาวโมเอะอย่างเดียว เริ่มมองทุกอย่างในแง่ที่แตกต่าง
บาร์นาบี้ x โคเท็ตซึ จาก Tiger & Bunny รูปเพื่แประกอบการยกตัวอย่างเฉยๆ

อย่างที่กล่าวมา ส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าเคะควรเป็นผู้หญิง แต่มีดุ้น... ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง รวมไปถึงนิสัย ซึ่งผมก็เข้าใจว่ามันไม่มีในโลกความจริงหรอกคนแบบนี้ เช่นเดียวกับสาวสองดีที่ผมปลื้มมากๆ (เอ็งโคตรโอตาคุเลยวะ) แต่มันเป็นพฤติกรรมทางจิต (หากให้ตีความในแง่จิตวิทยา) ผู้หญิงบางคนจะเกลียดเพศตัวเอง และอยากเกิดเป็นชาย ในทางกลับกันอยากได้รับความรักจากชาย

เอาล่ะกลับเข้าประเด็น เพราะข้อจำกัดแสนคลาสสิกข้อนี้ทำให้เคะต้องน่ารักกว่าเมะ และรวมไปถึงการวางเนื้อเรื่อง คาร์แร็กเตอร์ ยิ่งทำให้เคะ (ช) สาวแตกไปใหญ่ ความเป็นชายนับวันค่อยๆลดลง จากเริ่มซึ่งแทบไม่มี บางนักเขียนบางคน ถึงขั้นเขียนให้เคะไปตบกับผู้หญิงแท้ๆ เพื่อแย่งตัวเมะ อันนี้ขอบอกตรงๆว่าผมไม่ปลื้มอย่างแรง ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเคะออกมาไม่ต่างอะไรกับสาวใจแตก โดนXXแล้วเรียกร้องหาความรับผิดชอบ ชะนีในร่างชาย ทำตัวแรงแต่ไร้สมอง ไร้เหตุผล ยกเว้นพวกหน้าตัวเมีย หรืออันธพาลข่มเพศ ขอล่ะคุณคนเขียนกรุณาให้เกียรติเพศเดียวกันกับพวกเธอหน่อยไม่ได้เหรอ อย่าว่ากันนะถ้าผมพูดตรงไป และนอกจากแรงเป็นสาวใจแตกแล้วความร่าน คือสิ่งที่ทำให้ตัวละครตัวนั้นหมดราคาในสายตาคนอ่าน ถ้าให้ผมวิจารณ์คงวิจารณ์ยาวแน่ๆ 

แต่ปัจจุบันนี้เริ่มมีเทรนด์ใหม่ๆเข้ามา แหกข้อจำกัดเดิมๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า เคะ ยังไงมันก็คือผู้ชาย ไม่ควรสาวแตก หรือเป็นเจ้าหญิงในร่างชาย ร้ายกว่านั้นคือพวกร่าน ใจแตก ร้องหาแต่สามี ขาวายส่วนมากจึงหันไปเสพเคะที่มีความเป็นผู้ชายมากๆ จนนิสัยคล้ายเมะ มีพฤติกรรมและการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ลืมหลักความจริง หรือแมนกว่าเมะ เพราะให้ความรู้สึกว่านี้สินิยายชายรักชาย ไม่ใช่ ชายรักหญิง 

สำหรับขาวายที่อยากเขียนเคะให้แมน ผมแนะนำให้เขียนเคะให้ที่เป็นชายโดยพฤติกรรม การแสดงออก บุคลิก ให้มากกว่าคำพูดหยาบคาย อย่าคิดว่าการใช้คำพูดหยาบคายขึ้นกู มึง เหี้ย สัตว์ แม่ง จะทำให้เคะดูแมน เพราะต่อให้คำพูดหยาบคายแต่การแสดงออกไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงแรงๆ มันก็แค่สาวใจแตกไม่มีราคาดีๆนี้เอง อันนี้พูดตรงๆโดยใช้ประสบการณ์กับความแก่


เชื่อผมเถอะถ้าคุณเขียนนิยายโดยใช้คำหยายโลนมากๆ นอกจากจะส่งผลต่อตัวนิยายแล้ว ยังส่งผลต่อตัวผู้แต่งด้วย ถ้าผู้แต่งเป็นเด็กผู้หญิง แล้วมาเขียนนิยายที่มีคำหยาบโลนเยอะๆ ชื่อเรื่องยันเนื้อหาหางอึ่ง ภาพลักษณ์ในหัวของคนอ่านที่มีอายุมากจะคิดว่าผู้แต่งอาจเป็นพวกเด็กแรดๆมาเขียนนิยาย ไม่ใช่นักเขียนที่ดีด้วยซ้ำ จะหานิยายอ่านแต่ละทีแทบจะใช้คำว่า กู มึง แรด ร่าน ผัว แทนคำว่า Yaoi อยู่แล้ว


ระหว่าชื่อเรื่องแรงๆขึ้นตัวด้วย กู มึง เหี้ย แม่ง ผัว ร่าน กับชื่อเรื่องที่เขียนด้วยภาษาสวยๆ ผมเลือกคลิกเข้าไปอ่านอันที่สอง เพราะดูมีคุณค่าคุ้มค่าอ่านมากกว่า ผมไม่เสียเวลาสิบสามชั่วโมงของผมไปอ่านนิยายที่มีดีแค่คำหยาบ เรตกระจุย สาระหางอึ่ง นอกจากนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิง เอาเวลาไปดูอนิเมะ อวยสาวๆ โหลดโดเสือต่ายมาแปล วาดรูปป๋าเรย์ ออกไปดูหนัง เสพซีจีงามๆดีกว่า  

แมนกว่าแล้วถูกกดไม่แปลก เคะบางคนนี้โคตรแมนสมชาย แต่กลับถูกเมะสาวกว่ากด คิดตามหลักนิยายคือแพ้ใจตัวเอง ฮ่าๆ

ลองตีความดูดีๆ คำว่า เคะ คือฝ่ายรับ แต่ไม่ใช่ผู้หญิง แค่ส่วนมากมักถูกเขียนมีบทบาทเป็นผู้หญิงไปเสียหมดเท่านั้น จนเกิดเป็นกรอบคำจำกัดความ พวกเขาเป็นผู้ชายแน่นอนว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย เพราะฉะนั้นจะทำตัวแมนกว่าเมะ มันก็ไม่น่าแปลกอะไรเลย

ต่อด้วยประเด็นเคะแก่...


หากให้ตีความตามหลักความจริงคนแก่จะมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่า ผ่านโลกมามากกว่า เป็นผู้ใหญ่มากกว่า บางคนชอบพวกพ่อม่ายแม่ม่าย เพราะพวกเขามีประสบการณ์ในการสร้างครอบครัว การบริหารครอบครัวได้ ผมก็ชอบคนอายุมากกว่าเพราะพวกเขามีเหตุผลพอจะรับมือความเกรียนของผม

                นี่มันคือเรื่องความชอบส่วนบุคคลล้วนๆ ที่ผมชอบเคะแก่กว่าเมะ นั้นเพราะว่าพวกเขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่มาก วุฒิภาวะทางอารมณ์จะสูง (ส่วนมากผมจะเขียนให้สิบปีอัพ เคะ 42 เมะ 28 อะไรเทือกนี้ แต่เรื่องล่าสุดของผมเรียกว่าเป็นปู่กับหลาน เคะสัก 71 เมะ 21 ตัวเคะเป็นลูกครึ่งปีศาจ  ไม่แปลกที่หน้าตากับอายุจัชัดแย้งกัน) อีกทั้งยังดูน่ารักในความคิดผม และเขียนสนุกเพราะคนแก่ไม่ใช่เคี้ยวง่ายๆ

                สรุปข้อนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวล้วนๆ

ปล. กลับไปเม้นที่เด็กดี ผมรู้ว่าไม่ค่อยมีใครเล่นบล็อกนี้
...........................................................

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

FanFic : Sherlock Holmes Movie : A Game of Shadows

FanFic : Sherlock Holmes Movie : A Game of Shadows
Title : I am alone
Pairing : John H Watson * Sherlock Holmes
Rating : PG


...........................................................

                นี่มันฝันร้ายชัดๆ ฮันนีมูนแสนวิเศษพังยับไม่เป็นท่า ถูกยิงด้วยปืนกล ห้องโดยสารถูกระเบิด ถูกหมายหัว และที่เลวร้ายสุดๆก็คือภรรยาที่เขารักถูกเพื่อนสนิทจับโยนลงจากรถไฟ!! กลางทางและบนสะพานตอนรถไฟวิ่งอยู่อีกด้วย!!

          ฝันร้ายที่แสนใกล้เคียงกับคำว่าหายนะเลยก็ว่าได้

                หมอวัตสันนั่งอยู่บนขบวนรถไฟที่เพิ่งถูกเพื่อนสนิทระเบิดจนกลายเป็นรูโหว่ขนาดยักษ์ ขนาดพอจะจับคนบางคนโยนลงไปให้หายเจ็บใจ แต่เขาก็ทำไม่ได้แม้ตอนนี้จะรู้สึกโกรธอยู่ก็ตาม ก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน ร่วมหัวจมท้ายกันมา ทำคดีด้วยกัน อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมานาน จนเกิดความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง และเพื่อนตัวแสบที่ว่าก็ทำเพื่อช่วยเขา

                ถึงวิธีการของโฮล์มส์มันไม่น่าให้อภัยสุดๆ

                “เฮ้ หมอเอาน้ำแข็งประคบซะจะได้หายปวด” เชอร์ล็อค โฮล์มส์ เดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ เขากลับมาพร้อมกับแก้วใสน้ำแข็งเปล่าๆ แน่นอนว่าไม่ได้เอามาใส่เครื่องดื่มแต่เอามาประคบรอยบวมช้ำที่เกิดจากการสู้ศึกเมื่อไม่นานมานี้

                “ขอบคุณ โฮล์มส์”วัตสันรับแก้วมาและประคบลงที่รอยบวมซ้ำ นักสืบเจ้าปัญหานั่งลงข้างๆเพื่อนสนิท

                “คุณยังเคืองผมอยู่ใช่มั้ย?”

                “ใช่ ผมเคืองคุณอยู่”วัตสันไม่ปฏิเสธ แต่ก็ต้องขอบคุณนักสืบตัวยุ่งที่ช่วยให้เขาชะตาไม่ขาดไปเสียก่อน

                “เธอปลอดภัยแน่วัตสัน ผมกะเอาไว้แล้ว”โฮล์มส์ยังยื่นยันถึงเรื่องความปลอดภัยของแมรี่ ตอนนี้คงต้องเรียกคุณนายวัตสันสินะ...

                พอคิดถึงตรงจุดนี้ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่อก และถึกถึงภาพวันที่เขาส่งตัวเพื่อนสนิทเข้าสู่งานวิวาห์ ที่เขาทำเพียงได้แต่ส่งยิ้มเจื่อๆไปให้ ทำเหมือนมีความสุขไปด้วยแต่ไม่เลยสักนิด...

                “แต่ผมไม่โกรธคุณแล้ว คุณมีเหตุผลที่ต้องทำ”วัตสันเข้าใจ

                “ทุกอย่างจะดีขึ้นหลังจากนี้วัตสัน คุณกับแมรี่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคู่สมรสทั่วไป”

                ...คนที่เขารักกำลังจากเขาไปหมดทั้งไอรีนทั้งหมอเพื่อนยาก โอกาสเหลือน้อยเต็มที เขาจะใช้โอกาสที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด

                เปลือกตาของโฮล์มส์ค่อยๆปิดลงอย่างเชื่องช้าเหมือนถูกถ่วงเอาไว้ เขาเอนตัวลงไปซบไหล่ของวัตสัน เขาเหนื่อยมากวันนี้

                “โฮล์มส์”วัตสันไม่รอช้าที่จะโอบไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้แน่ ยึดร่างของนักสืบตัวยุ่งที่จู่ๆก็ผล็อยหลับไปเอาไว้ ไม่ให้ตกจากรถไฟที่มีความเร็วขนาดนี้ แน่นอนว่าถ้าตกลงไปไม่ใช่แค่หัวแตก แต่ไม่ตายก็พิการตลอดชีวิต

                “ไม่ระวังตัวเอาซะเลย”

                ต้องให้คอยดูแลอยู่เรื่อย สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คืออยู่ข้างโฮล์มส์ช่วยปิดคดีสุดท้ายนี้

.........
          “ผมบอกแล้วว่าอย่ากินเหล้าของพวกยิปซี วัตสัน”

                “คุณดูแย่กว่าผมอีกรู้ตัวมั้ย”

                หมอวัตสันแบกร่างของคู่หูนักสืบเข้ามาในเต็นท์ที่พักของยิปซี วันสันกึ่งลากกึ่งอุ้มพยุงร่างของโฮล์มส์ที่ดูแย่กว่าเขามาก เขาวางร่างของคู่หูลงบนเตียงอย่างทุลักทุเล ประคองตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปทับคนเมา

                “ผมไม่ได้เมาวัตสัน...แค่คล้อยตามฤทธิ์ของผลไม้หมัก”โฮล์มส์แผ่อยู่บนเตียง บนด้วยน้ำเสียงออดๆแอ่ดๆการลากน้ำหนักเสียงที่ไม่เท่ากัน คือสัญญาณที่ดีที่บอกว่า เมาแล้ว

                “นั่นแหละที่เรียกว่าเมา โฮล์มส์”วัตสันนั่งลงข้างๆร่างของโฮล์มส์ “คุณควรพักเสียตื่นขึ้นมาจะไม่ได้ปวดหัวเพราะฤทธิ์ของมัน”

                มือของวัตสันไล้ไปตามโครงหน้าของนักสืบอ่อนโยนราวกับจะกล่อมให้อีกฝ่ายหลับ ผลไม้หมักที่โฮล์มส์เรียกมีฤทธิ์เหนือความฉลาดของนักสืบ

                “ผมขอตัวก่อนดีกว่า คุณจะได้พัก”

                หมอหนุ่มกำลังจะลุกขึ้น แต่ทว่ากลับถูกคนเมาจับแขนเสื้อเอาไว้ และออกแรงดึงจนร่างสูงเซล้ม หมอวัตสันเกือบล้มทับร่างของคู่หูที่นอนแผ่อยู่บนเตียง เขาสามารถฝืนตัวเองเอาไว้ได้ นักสืบเจ้าเล่ห์โอบแขนรอบคอของวัตสันเอาไว้ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้ายิปซี ทำให้วัตสันเห็นว่าตอนนี้นักสืบเจ้าปัญหาช่างดูยั่วเย้าเหลือเกิน หรือฤทธิ์เหล้ายิปซีนั้นมีผลกระทบต่อตัวโฮล์มส์โดยตรง

                “โฮล์มส์?” วัตสันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของโฮล์มส์

                “อยู่กับผมก่อนจะได้มั้ย...ผมต้องการคุณ”

                เหล้ายิปซีมีผลกระทบกับโฮล์มส์มากกว่าที่เขาคิด นอกจากรูปลักษณ์แล้วยังมีผลกระทบต่อการแสดงออก

                นี่เป็นอีกครั้งที่โฮล์มแสดงออกถึงความต้องการที่แท้จริงออกมาให้วัตสันเห็น มันผิดวิสัยของโฮล์มส์

                “โฮล์มส์คุณเมามากแล้ว...ถ้าคุณไม่เมาคุณคงไม่พูดหรือแสดงออกแบบนี้” วัตสันพยายามเรียกสติของคู่หูกลับคืนมา

                “เพราะแบบนี้ไงผมถึงกล้าแสดงสิ่งที่ผมต้องการจริงๆออกมา” โฮล์มส์ดึงร่างของหมอวัตสันให้เข้ามาใกล้ เขาจูบลงไปที่ริมฝีปากแห้งผากของวัตสัน เขาพลิกมาเป็นฝ่ายนำ แลนั่งอยู่บนหน้าขาของวัตสัน เพราะมีฤทธิ์เหล้าเป็นตัวช่วยกระตุ้นเขาถึงกล้า และคล้อยตามไปกับการถูกมันชักจูง

                “โฮล์มส์ หยุด...” 

                วัตสันจับไหล่ของนักสืบเอาไว้ แววตาของโฮล์มส์เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ที่เด่นชัดที่สุดคือความเหงา โดดเดี่ยว และอ้างว้าง ต้องการใครสักคนมาอยู่ด้วย ความรู้ในด้านต่างๆของโฮล์มส์ตอนนี้ไม่สามารถช่วยให้เขาเอาชนะอารมณ์กับความต้องการที่แท้จริงที่ระเบิดออกมาได้ เขากำเสื้อเซิ้ตของวัตสันเอาไว้แน่นร่างกายสั่นเทาราวกับเด็กน้อยที่หวาดกลัว และซบหน้าลงไปที่ไหล่ของวัตสัน

                “โฮล์มส์ คุณสัญญากับผมแล้วว่ามันจะไม่มีอะไรเกินเลยหลังจากที่ผมแต่งงาน”

                จริงสินะ...สัญญากันเอาไว้แล้ว ถึงแม้จะเจ็บปวดก็ตาม เขาเองก็เคารพการตัดสิ้นใจของวัตสัน เขาทนได้...บางครั้งก็ฝืนไม่แสดงออกมา

                “ผมแค่รู้สึกแย่เมื่อคิดว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ผมจึงอยากอยู่กับคุณ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราอยู่ด้วยกัน ผมคิดเสมอว่าตอนนี้มันคุ้มค่าที่สุด”

          ทำไมต้องทิ้งเขาไปด้วย...

                วัตสันลูบหลังของโฮล์มส์เชิงปลอบใจเรื่อยไปถึงเรือนผมสีดำยุ่งเหยิง นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของโฮล์มส์จริงๆ โฮล์มส์ไม่รู้ว่าเขาเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ต้องเลือก “ผมไม่ได้ทิ้งคุณไปไหนเสียหน่อย ถ้าหากคุณเหงาผมก็ยินดีจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ...โฮล์มส์?”

                โฮล์มส์แน่นิ่งไปแล้วการหายใจที่สม่ำเสมอทำให้วัตสันรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห่วงนิทราไปแล้ว เขาวงร่างของโฮล์มส์ลงบนเตียง และล้มตัวลงนอนข้างๆ

                คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว คุณยังมีผมอยู่ข้างๆเสมอ

.........

                ดูเหมือนเรื่องที่โฮล์มส์บอกว่า มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันมันจะเป็นความจริง...

...........................................................